Basic Photography EP.18 : ระบบแฟลช
เวลาเราอยุ่ในสถาพที่มีแสงน้อยเรามีทางเลือก 2 ทางที่ทำให้เราสามารถถ่ายรูปได้
1.ใช้ความไวแสงสูงเพื่อให้เราสามารถถ่ายภาพได้ โดยที่ความเร็วชัตเตอร์หรือช่องรับแสงไม่ต่ำจนเกินไป
2. การใช้แฟลช เพื่อเพิ่มความสว่างของภาพโดยรวม เพื่อเราจะสามารถใช้ชัตเตอร์สูงและช่องรับแสงที่แคบลงได้โดยที่ไม่ต้องใช้ ISO สูง
โดยปกติกล้องดิจิตอลก็มีจะมีแฟลช ขนาดเล็กอยู่ในตัว หรือถ้าไม่มีแฟลชขนาดเล็กเราสามารถที่จะ ซื้อเฟลชตัวเล็กใส่ไปที่ Hot Shoe ด้านบนได้
โดยปกติกล้องดิจิตอลก็มีจะมีแฟลช ขนาดเล็กอยู่ในตัว ตัวx-t10 จะมีสวิตซ์อยู่ที่มุมบนซ้ายมือ แต่เราจะเปิดการทำงานของแฟลชได้จริงๆต้องเข้าไปที่เมนูก่อนแล้วก็สั่งใช้แฟลชเปิดการทำงาน
เเฟลชเป็นอุปกรณ์ให้แสงที่เราเรียกว่าแสงไม่ต่อเนื่อง การทำงานของแฟลชคือพอชัตเตอร์เปิดแฟลชจะให้แสงสว่างเป็นช่วงสั้นๆเหมือนไฟกระพริบ ความสว่างของแสงจะสุงมากแต่ว่าการส่องสว่างจะช่วงสั้น ประมาณ 1/1000 วินาที
ถึงประมาณ 1/100000 วินาที เพราะฉะนั้นนั้นเราสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งได้โดยการใช้แฟลชจับวัตถุ สำหรับแฟลชที่ใช้ในสตูดิโอ จะมีเวลาในการสว่างค่อนข้างนาน ประมาณ 1/100 วินาทีขึ้นไป
ซึ่งเนื่องจากว่ากำลังของแฟลชค่อนข้างเยอะทำให้การส่องสว่างนานกว่าแฟลชขนาดเล็ก สำหรับแฟลชที่ใช้ในสตูดิโอ จะมีเวลาในการสว่างค่อนข้างนาน ประมาณ 1/100 วินาทีขึ้นไปเนื่องจากว่ากำลังของแฟลชค่อนข้างเยอะทำให้การส่องสว่างนานกว่าแฟลชขนาดเล็ก
ความเร็วชัตเตอร์กับแสงแฟลช
เวลาเราใช้แฟลชขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม เราจะต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ให้สัมพันธ์ กับแฟลช โดยที่ความเร็วชัตเตอร์ต้องไม่เกิน speed sync (ความเร็วชัตเตอร์ที่ใช้กับแฟลช) / วินาที ดูได้จากสัญลักษณ์ ตัวx หรือ สีแดง
หรือสัญลักษณ์แฟลช ว่าอยู่ที่ความเร็วชัตเตอร์เท่าไหร่ อย่างเช่น x-t10 จะมีตัว x อยู่ที่ 180 นั้นก็คือเราสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ใช้กับแฟลชได้จะไม่เกิน 1/180
ถ้าเกิน ม่านชัตเตอร์จะไปบังแสงแฟลชทำให้ภาพสว่างเป็นแถบ แล้วก็มืดเป็นแถบ

เวลาใช้แฟลชเราจะใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้ไม่เกิน speed sync ก็คือค่าx ถ้าเราใช้กล้อง x-t10 ค่าx ก็คือ 1/180
ถ้าเราใช้ 1/180 ภาพก็จะสว่างปกติ พอเราใช้ชัตเตอร์สูงกว่าค่า speed sync ภาพก็จะสว่างเพียงเสี้ยวเดียว ด้านที่มืดโดนม่านชัตเตอร์เคลื่อนมาบังขณะที่แฟลชทำงานทำให้ภาพสว่างเพียงครึ่งเดียว ยิ่งชัตเตอร์เร็วขึ้นเท่าไหร่ส่วนที่บังก็จะมากขึ้นเท่านั้น
ความเร็วชัตเตอร์จะมีผลต่อฉากหลังของภาพยิ่งชัตเตอร์สูงฉากหลังยิ่งมืดลงไป สามารถควบคุมฉากหลังให้สว่างหรือมืดโดยการควบคุมความเร็วชัตเตอร์ (วัตถุจะสว่างพอกัน)
การใช้แฟลชที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ เราจะเรียกว่า slow sync ซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้ในการถ่ายรูปแฟลชตอนกลางคืน
เพราะว่าถ้าเราถ้าเราใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงฉากหลังจะดำมาก เวลาเราใช้ slow sync ควรจะใช้คู่กับขาตั้งกล้องด้วย แต่ถ้าไม่มีขาตั้งกล้องแนะนำให้ปรับความไวแสงให้สูงขึ้น ก็จะสามารถดึงฉากหลังขึ้นได้ด้วย
ความเร็วชัตเตอร์ที่ใช้กับแฟลชจะมีผลต่อความสว่างของแสง Available light ( แสงตามสภาพ ) แต่จะไม่มีผลต่อความสว่างของแสงแฟลชโดยที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกล้องก็จะสามารถเก็บแสงตามสถาพได้มากขึ้นทำให้แสงของบรรยากาศสว่างขึ้น ในขณะที่เราเพิ่มความเร็วชัตเตอร์ขึ้นไปแสงตามสภาพจะมืดลงส่วนแสงแฟลชจะคงที่ ไม่ว่าความเร็วชัตเตอร์ต่ำหรือความเร็วชัตเตอร์สูง แสงแฟลชจะเท่ากันตลอดเวลา ดังนั้นจะอยู่ที่เราเลือกว่าต้องการเก็บบรรยากาศของฉากหลังมากหรือน้อยโดยการควบคุมที่ความเร็วชัตเตอร์ หรืออีกวิธีหนึ่งคือควบคุมที่
ความไวแสงก็ได้ แต่ถ้าควบคุมที่ความไวแสง จะมีผลต่อทั้งความสว่างของแฟลชและความสว่างฉากหลังด้วย โดยปกติผมจะแนะนำให้คุมที่ความเร็วชัตเตอร์ไว้ก่อน
การควบคุมแฟลชด้วยการชดเชยแสง และ ตำแหน่งโฟกัส
เราสามารถควบคุมความสว่างของวัตถุที่ได้รับแสงแฟลช โดยการปรับ ชดเชยแสงแฟลช (ชดเชยแสงธรรมชาติที่บนตัวกล้องจะไม่มีผล) จะต้องเข้าไปที่ Flash Compensation เพื่อที่จะชดเชยแสงแฟลชเท่านั้น
ถ้าจะให้มืดลง ให้ปรับไปที่ - ถ้าต้องการให้สว่างขึ้นให้ไปที่ + ก็จะมีผลเฉพาะวัตถุที่ได้รับแสงแฟลชเท่านั้น ส่วนฉากหลังจะไม่มีผลเพราะฉากหลังจะขึ้นกับความเร็วชัตเตอร์
การใช้แฟลชถ้าเราสามารถที่จะbalance แสงแฟลชกับแสงธรรมชาติได้ เราก็จะได้ภาพที่สวยดูเป็นธรรมชาติ วัตถุที่ได้รับแสงแฟลชถ้าไม่อยู่ตรงกลางภาพผมแนะนำให้ย้ายจุดโฟกัสมาที่วัตถุ ถ้าไม่ย้ายจุดโฟกัสมีโอกาสสูงที่แฟลชจะทำงานผิดพลาดเพราะระบบวัดแสงไปวัดแสงผิดตำแหน่ง
ปกติเวลาที่เราถ่ายภาพคนย้อนแสงหรือวัตถุย้อนแสงหากต้องการให้วัตถุสว่างพอดีไม่เป็นเงาดำเราก็ต้องวัดแสงที่วัตถุทำให้ฉากหลังสว่างจ้าไปแต่ถ้าเราไม่ต้องการให้ฉากหลังสว่างจ้าจำเป็นที่จะต้องเพิ่มแสงเข้าไปที่ตัววัตถุก็คือการใช้แฟลชหรือใช้ รีเฟคเตอร์ ถ้าเราใช้แฟลชถ่ายถาพย้อนแสง
เราจะใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงเพื่อลดแสงด้านหลังลง เราก็จะได้วัตถุสว่างขึ้นมาแล้วฉากหลังเข้ม อันนี้เราเรียกว่า "การใช้แฟลชลบเงา"
ซึ่งเราควรใช้แฟลชให้พอดีกับแสงด้านหลังเราก็จะได้ภาพที่ Balance แสงระว่างภายนอกกับภายในแต่ถ้าเราใช้ชัตเตอร์ต่ำเกินไปด้านในก็จะสว่างด้านนอกก็จะสว่างจ้าไปด้วย แต่ถ้าเราใช้ชัตเตอร์สูงเกินไปข้างในจะสว่างพอดีเพราะได้รับแสงแฟลช แต่ข้างนอกจะมืดเกินไปภาพก็จะดูหลอกๆ
การใช้แฟลชถ้าเป็นแฟลชภายนอกจะสามารถสร้างสรรค์ภาพได้มากมายอย่างเช่นการแยกแฟลชจากตัวกล้องสามารถที่จะคุมความสว่างหรือทิศทางของแสง สร้างภาพต่างๆได้เช่น เวลาถ่ายมาโครสามารถที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของแมลงหรือสร้างทิศทางของแสงทำให้ฉากหลังดำ การถ่ายดาวกลางคืนสามารถใช้แฟลชในการสร้างฉากหน้าหรือว่ารายละเอียดของฉากหน้าทำให้ภาพไม่เห็นแต่ดาวอย่างเดียวเห็นรายละเอียดด้านหน้าด้วยทำให้ภาพดูมีสเน่ห์ขึ้น
แฟลชขนาดเล็กหรือแฟลชติดกล้อง จะมีระบบการทำงานอยู่ 3แบบด้วยกัน
1.ระบบ manual เป็นระบบที่แฟลชจะทำงานเต็มกำลังหรือทำงานเต็มกำลังหรือว่าทำตามพลังที่ปรับตั้งไว้ โดยที่ไม่สนว่ากล้องจะมีแสงพอไหม แฟลชก็จะยิงไปตามกำลังที่ตั้งไว้ ซึ่งเรามีหน้าที่ปรับตั้งช่องรับแสงให้เหมาะกับความไวแสง ระยะทาง และกำลังของแฟลชที่ห่างจากวัตถุ
2.ระบบ auto ที่ตัวแฟลชจะมีเซ็นเซอร์สำหรับควบคุมแสง โดยการทำงานแฟลชจะยิงแสงไปที่วัตถุแล้วแสงจากวัตถุจะสะท้อนกลับมาที่เซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์จะคอยวัดแสงว่ามีปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ เมื่อเหมาะสมแล้วก็จะตัดการทำงานทำให้แสงแฟลชพอดี
แต่ในการใช้ระบบแฟลชแบบ Auto จำเป็นที่จะต้องให้แฟลชกับกล้องทำงานสัมพันธ์กันโดยปกติถ้าเป็นแฟลชกับกล้องที่เป็นคนละยี่ห้อกันเราจะต้องไปตั้ง ความไวแสงและขนาดช่องรับแสงที่ตัวแฟลชให้ตรงกับตัวกล้องที่เราใช้กล้องกับแฟลชถึงจะทำงานสัมพันธ์กัน
ซึ่งแฟลช Auto จะเป็นแฟลชรุ่นเก่าปัจจุบันจะมีอยู่ในกล้องบางยี่ห้อเท่านั้น และ ก็แฟลชบางรุ่นเท่านั้น
3.ระบบ TTL เป็นระบบที่แฟลชทำงานซิงค์กับกล้องอัตโนมัติ โดยการทำงานแฟลชจะยิงแสงไปที่วัตถุ แล้วสะท้อนกลับมาที่กล้องที่ตัวกล้องจะมีเซ็นเซอร์ คอยวัดปริมาณแสงว่าแสงพอหรือยังถ้าแสงพอกล้องจะส่งสัญญาณกลับไปที่ตัวแฟลชให้ตัดการทำงานก็จะทำให้แสงแฟลชพอดีตลอดเวลา
Guide Number กับความแรงของแฟลช
ความแรงของแสงแฟลชจะถูกกำหนดโดย Guide Number ของแฟลช Guide Number เป็นตัวเลขที่ได้มาจากการคูณระหว่างช่องรับแสงและระยะทางที่ความไวแสงค่าใดค่าหนึ่ง
เช่นที่ความไวแสง 100 แฟลชตัวหนึ่งถ่ายภาพที่10 เมตร ใช้ช่องรับแสง f/4 นั้นหมายถึงว่าแฟลชตัวนี้จะมีค่า Guide Number 40
เราจะสามารถเอาค่า Guide Number มาคำนวณระยะทางที่เราจะใช้งานกับแฟลชนั้นได้
เช่น แฟลชของเรามีค่า Guide Number 40 ที่ iso 200 ดังนั้นถ้าเราใช้ iso 200 แล้วเลนส์เราเปิดที่ f/2 เราจะสามารถถ่ายภาพได้ไม่เกิน 20 เมตร
แต่ถ้าเราถ่ายเกินกว่านั้นจะทำให้ภาพ Under เราต้องเพิ่มความไวแสงเพื่อเพิ่มค่าGuide Number ของ แฟลชขึ้นไปภาพถึงจะไม่ Under
โดยปกติแฟลชที่ติดมากับตัวกล้องจะมีค่า Guide Number ค่อนข้างน้อย คือประมาณ 8 ที่ iso 100 เท่านั้นเอง
ส่วนแฟลชขนาดเล็กที่เราติดที่หัวกล้องส่วนใหญ่ก็จะมีค่า Guide Number ตั้งแต่ประมาณ 18 ถ้าเป็นรุ่นใหญ่ก็จะมีค่า Guide Number ประมาณ 32 – 36
ส่วนแฟลชสตูดิโอ จะมีค่า Guide Number สูงมากคือ ระดับ100 เนื่องจากว่าใช้พลังงานจากไฟบ้านเลยมีพื้นที่บรรจุ capacitor ได้มากมายดังนั้นกำลังจะสูงมาก
เมนูที่ใช้งานกับแฟลชในตัวกล้อง
Flash mode
1. Forced Flash คือ การสั่งให้แฟลชทำงาน
2. Supprressed Flash คือ การสั่งให้แฟลชไม่ทำงาน แม้ว่าเราจะเปิดแฟลชขึ้นมาก็ตาม
3. 2 ND Curtain sync คือ แฟลชจะทำงานเมื่อม่านชัตเตอร์ชุดที่2 กำลังวิ่งออกมา แฟลชจะมีทำงาน 2 แบบ นั้นก็คือ 1. ทำงานหลังจากที่ม่านชัตเตอร์ชุดที่1เปิดสุด 2.ทำงานเมื่อม่านชัตเตอร์ชุดที่2 กำลังจะวิ่งออกมา จะให้ผลที่ไม่เท่ากันเมื่อเราให้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ
4. Commander คือ เวลาเราให้แฟลช Wireless หลายๆตัว ซึ่งต้องใช้แฟลชของ Fujiที่เป็นแฟลชภายนอกทำงานร่วมกับแฟลชที่ตัวกล้อง
Flash Compensation
เราสามารถชดเชยแสงแฟลชให้ Under หรือ Over ได้เช่นเวลาแฟลชสว่างไปก็มาชดเชยที่ Under ถ้าแฟลชมืดไปก็ให้ชดเชยที่ Over แต่ว่าเราจะชดเชยได้ไม่เกินกำลังไฟแฟลช สมมุติถ้าเราถ่ายไกลมากแล้วกำลังแฟลชไม่พอเรามาชดเชยที่ Over ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าแฟลชยิงสุดกำลังแล้ว
Red eye removal
ส่วนระบบแก้ตาแดงเราจะใช้ถ่ายภาพคนในที่แสงน้อยๆ ที่มืดๆ เพราะดวงตาจะเปิดกว้างเราก็จะเปิดระบบแฟลชแก้ตาแดงก็จะทำให้แฟลชยิงมา2ครั้ง ครั้งแรกจะช่วยทำให้ม่านตาหรี่ลงแล้วก็ยิงมาครั้งที่2 เพื่อถ่ายภาพจริง
เวลาใช้แฟลชเเก้ตาแดงควรบอกแบบด้วยว่าถ้าเห็นแฟลชครั้งแรกอย่าพึ่งขยับตัว รอให้ยิงครั้งที่2เสร็จก่อนไม่งั้นภาพจะเสีย
สรุป
การใช้แฟลชจะช่วยให้เราได้ภาพที่สว่างโดยที่เราไม่ต้องใช้ความไวแสงสูง ซึ่งเวลาเราใช้ความไวแสงสุงเราก้จะมีปัญหาเรื่อง Noise และก็ความคมชัดก้จะตกลง สีก็จะดรอปลง การใช้แฟลชจะช่วยให้เราไม่ต้องใช้ความไวแสงสูง
แต่การใช้แฟลชจะมีธรรมชาติของเค้าก็คืออะไรที่อยู่ใกล้แฟลชก็จะสว่างอะไรที่อยู่ไกลก็จะมืดลง ดังนั้นเวลาเราถ่ายภาพด้วยแฟลชที่ตัวกล้องเราจะพบว่าแสงมันจะไม่เป็นธรรมชาติ แบบที่เราถ่ายด้วยแสงธรรมชาติกับแฟลชขนาดใหญ่ ถ้าเราต้องการแสงที่เป็นธรรมชาติจำเป็นที่เราต้องแยกแฟลชออกจากตัวกล้องแล้วใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ร่ม หรือ softbox หรือการสะท้อนแสงแฟลชเข้ากำแพง
Bookmarks