★>>>Amazing Myanmar<<<★ ตะลุยดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์

[inlover]

“มิงกาลาบา” ครับเพื่อนๆพี่ๆทุกคน ผมเพิ่งหัดถ่ายภาพได้เพิ่งครบปี และกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมที่จะขอแชร์ภาพและประสบการณ์จากการเดินทางในปี 2014 ที่ผ่านมานี้ จากที่ดองภาพมาครึ่งปีแล้ว ฮ่าๆ

“ Bagan temple, One of the finest sites in the world”
Credit : Marco Polo

หลังจากที่ผมได้เห็นประโยคนี้ในเว็บไซต์ท่องรวมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ทำให้ผมได้ลองเข้าไปค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ ที่ชื่อว่า "พุกาม" แห่งนี้ดู และนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมตัดสินใจปักหมุดประเทศพม่า มาเป็นอีกหนึ่งในเป้าหมายที่ผมต้องพิชิตในชีวิตนี้

อุปกรณ์ที่ผมใช้ในทริปนี้คือ Nikon D7100, Nikkor 10-24, Nikkor 18-105 และ Tamron 70-300

[inlover]

การเดินทางครั้งนี้ผมไปกับคุณแม่ 2 คน และใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน โดยผมได้วางโปรแกรมเที่ยวไว้ตามนี้ครับ

Day 1 : เที่ยว Yangon (ย่างกุ้ง) ทั้งวัน
Day 2 : ตื่นแต่เช้าตรู่ รีบเดินทางไป Kyaitiyo Pagoda (พระธาตุอินทร์แขวน) จากนั้นเดินทางไป Inlelake
Day 3 : เที่ยว Inle lake (ทะเลสาปอินเล) จนถึงบ่าย แล้วเดินทางไป Bagan
Day 4 : เที่ยว Bagan (พุกาม) ทั้งวัน
Day 5 : เดินทางกลับ Yangon

โดยการเดินทางทั้งหมด ผมได้จ้างรถ Taxi และไกด์ประจำรถ คุณทน (Tun Lin) เป็นผู้นำทางให้เราตลอดทั้งทริปครับ เนื่องจากไม่อยากให้คุณแม่ต้องนั่งลำบากบนรถทัวร์

อันนี้คือนามบัตรของ คุณTun (อ่านว่าทน) นะครับ ใครสนใจสามารถติดต่อได้ผ่านทาง facebook เลย บริการดีมากครับ เป็นทั้ง Guide และ Driver

[inlover]

พอดีตอนนี้ใช้คอมที่ทำงาน เก็บรูปไว้ใน USB เพิ่งรู้ว่า maximum file ห้ามเกิน 400 KB ขอเวลาไปแก้ปัญหาแปปครับ T T

[inlover]

แก้ไขเรียบร้อยครับ ^^

สถานที่แห่งแรกที่ผมไปก็คือ เจดีย์โบตาทาวน์ (Botataung Paya) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระเกษาธาตุ ภายในองค์เจดีย์ล้วนถูกประดับด้วยสีทองเหลืองอร่ามตลอดเส้นทางเดิน



เหลืองอร่ามแสบตาจริงๆครับ ^^

[inlover]

สุเลเจดีย์ (Sule Pagoda)
เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีความสูง 48 เมตร เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองย่างกุ้ง บริเวณแยกถนนเจดีย์สุเลและ ถนนมหาบัณฑุละ

[inlover]

ภัตตาคารการะเวก (Karaweik Restaurant)
ถือเป็นร้านอาหารระดับ High class ของประเทศพม่า โดยจะเปิดเฉพาะตอนเย็น เท่าที่แอบๆส่องดู จะให้บริการแบบบุฟเฟต์นะครับ และราคาถือว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับร้านอาหารหรูๆในประเทศเรา (ราคาหลักร้อยเท่านั้นครับ) แต่เสียดาย ผมดันมาตอนบ่าย เลยอดเข้าไปใช้บริการไปตามระเบียบ

[inlover]

สถานที่สุดท้ายของวันแรก ขอมาปิดที่ เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) อันโด่งดัง
เจดีย์นี้ ถือเป็น 1 ใน 5 มหาสถานบูชาสูงสุดของประเทศพม่า ที่องค์เจดีย์ล้วนหุ้มด้วยทองแท้ทั้งหมด และบนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 76 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์

ถ้าเรามีไกด์ที่ชำนาญ พาไปด้วย สามารถบอกให้เขาพาไปยังตำแหน่งที่สามารถมองเห็นอัญมณีบนยอดเจดีย์ได้ ซึ่งเรามองจากข้างล่าง จะเห็นแสงประกายสีแดง เมื่อเดินไปข้างหน้า1ก้าว ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และสีอื่นๆอีกตามตำแหน่งที่เรายืน ซึ่งตำแหน่งที่จะเห็นได้นี้ ไกด์บอกว่าแม้แต่คนพม่าส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้จักกันเลยครับ หรือง่ายๆรอหลังพระอาทิตย์ตก เราลองสังเกตุรอบนอกของเจดีย์ ถ้าเห็นกลุ่มคนเงยหน้ามองยอดเจดีย์ และเดินหน้า ถอยหลัง ขยับตัวแปลกๆ นั่นแหละครับ ลองไปยืน ณ ตำแหน่งที่เค้ายืนกันดู (ตำแหน่งไม่ตรงกันแม้แต่ก้าวเดียว จะมองไม่เห็นแสงประกายเลย)



หากเดินทางมาที่สวนสาธารณะกันดอจี (Kandawgyi Nature Park) สถานที่แห่งนี้ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งซึ่งสามารถเห็นเจดีย์ชเวดากองได้อย่างชัดเจน

[inlover]

สำหรับวันที่สองของการเดินทาง ผมตื่นแต่ตี 4 เพื่อเก้บข้าวของ และเตรียมตัวเดินทางต่อไปยัง พระธาตุอินทร์แขวน (Kyaitiyo Pagoda) ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลวงประมาน 2 ชม.

พระธาตุอินทร์แขวน (Kyaitiyo Pagoda)
เป็นอีก 1 ใน 5 มหาสถานบูชาสูงสุดของพม่า ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน โดยตามตำนาน กล่าวไว้ว่าพระอินทร์เป็นผู้นำหินก้อนนี้ขึ้นมาจากทะเล และนำมาตั้งไว้บนยอดเขา ณ ตำแหน่งปัจจุบัน



ต่อไปจะขอเข้าวิชาการสักนิดนะครับ ^^ เนื่องด้วยตัวผมเองก็เคยเรียนธรณีวิทยามาโดยตรง เรื่องหินๆแบบนี้ ผมเลยต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยจากการที่ผมได้ลองศึกษาถึงสภาพทางธรณีวิทยาของประเทศพม่า และพื้นที่บริเวณพระธาตุ รวมถึงการได้ไปสัมผัส และเห็นด้วยตาตนเองกับสถานที่จริงๆ ในเชิงธรณีวิทยานั้น ก้อนหินทองคำที่เห็น คือหิน Granite ขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการผุพังที่เรียกว่า Spheroidal Weathiring ซึ่งกระบวนการนี้เกิดจากการที่ขณะที่หินแกรนิต ยังอยู่ใต้โลก และถูกหินอื่นกดทับอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปหินที่อยู่ด้านบนถูกกัดกร่อนผุพังไปตามการเวลา ทำให้นำหนักที่กดทับหินแกรนิตอยู่แต่แรกเริ่มลดลง หดหายไปด้วย ทำให้หินแกรนิตเกิดการขยายตัว (ลองนึกว่าเราบีบฟองน้ำไว้ เมื่อเราคลายมันก็จะคืนรูปนะครับ) เพียงแต่หินเป็นของแข็งที่มีความยืดหยุ่นต่ำ จึงทำให้เกิดเป็นรอยแตกแทน โดยรอยแตกนี้ได้มีการพัฒนาต่อเนื่องในทุกๆแนว จนแนวรอยแตกตัดกันเป็นทรงสีเหลี่ยม (นึกภาพ Rubic ที่เราเล่นๆกันดูนะครับ) ในเวลาต่อมา เมื่อหินแกรนิตนี้ มีโอกาสโผล่พ้นพื้นโลกจากการที่หินตะกอนที่ปิดทับอยู่อาจถูกชะล้างหายไป ทำให้ได้สัมผัสน้ำ สัมผัสอากาศ ก็จะเกิดการกัดกร่อนผุพัง โดยเฉพาะบริเวณขอบของแนวรอยแตก ทำให้ถูกลบเหลี่ยมออกไป จนมีลักษณะกลมมนแทน

ส่วนคำถามที่ว่า "แล้วหิน Granite นี้ มันอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร" ถ้าดูจากแผนที่ธรณีวิทยาของพม่าแล้ว จะเห็นได้ว่าตำแหน่งที่ตั้งของพระธาตุอินทร์แขวนนั้น ตั้งอยู่บริเวณแนวเทือกเขาหินแกรนิต (Granite Belt) ของประเทศพม่าพอดี รวมถึงหินที่เป็นฐานที่ตั้ง (ภูเขาทั้งภูเขา) ของพระธาตุก็เป็นหิน Granite เช่นกัน ดังนั้นจากหลักฐานธางธรณีวิทยาที่พบ จึงมีความเป็นไปได้ว่าหินที่เป็นฐานของพระธาตุเป็นหินที่อยู่บริเวณภูเขาลูกนั้นอยู่แล้ว แต่อาจเกิดการผุพังบริเวณโดยรอบไป จนเหลือดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

[inlover]

วันที่ 3 เป็นวันที่ผมได้มาเที่ยวทะเลสาบอินเล ซึ่งเป็นทะเลสาปน้ำจืดขนาดใหญ่ของประเทศพม่าที่ตั้งอยู่บนรัฐฉาน โดยสภาพภูมิประเทศของที่นี่เป็นแนวเทือกเขาสูง ซึ่งทอดตัวลากยาวขึ้นไปจนถึงแนวเทือกเขาหิมาลัย และยาวลงมาถึงเทือกเขาแดนลาว และถนนธงไชยของประเทศไทยเรานั่นเอง โดยทะเลสาบแห่งนี้ เกิดอยู่ในแอ่งตะกอนระหว่างภูเขา (Intermontane Basin) ในภาพ คือวิถีชีวิตของชาวอินทา ที่ประกอบอาชีพประมงในทะเลสาป โดยมีเอกลักษณ์ในการพายเรือที่ไม่เหมือนใคร

[inlover]

วัดผ่องด่ออู (Phaung Daw Oo Pagoda)
เป็นวัดที่เกิดจากการช่วยกันถมทะเลสาบด้วยความศรัทธาของชาวอินทา และชาวไทใหญ่ เพื่อสร้างวัด สร้างวิหารให้คู่อยู่กับทะเลสาบอินเลแห่งนี้

บริเวณรอบๆวัด และใต้ถุนวัด จะมีตลาดนัดประจำวันให้เดินเล่นได้

[inlover]

ในวันที่ 4 วันที่สำคัญที่สุดในทริปของผม เนื่องจากว่าวันนี้ผมจะได้พิชิตอณาจักรพุกามตามเป้าหมายแล้ว หลังจากรีบตื่นแต่ตี 5 เพื่อนั่งรถออกมาจากที่พัก ผมเลือกเจดีย์ชเวสันดอว์ (Shwesandaw Pagoda) สถานที่ยอดฮิตติดชาร์จที่กรุ๊ปทัวร์เกือบทุกกรุ๊ปต่างพากันมาชมพระอาทิตย์ตกกันในการชมพระอาทิตย์ขึ้น (รีบมาก่อนตอนเช้า ดีกว่าคนแน่นแทบล้นตอนเย็นครับ)

เจดีย์แห่งนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะขึ้นไปชั้นที่สูงที่สุดเสมอ แต่ผมคิดว่าตำแหน่งที่ให้ภาพสวยที่สุดอยู่ที่ความสูงของชั้น 3 ครับ

[inlover]

วัดอนันดา (Ananda Paya) เป็น 1 ใน top 3 ของพุกาม โดยเป็นวัดที่สวยที่สุดในพุกามครับ



หน้าตรงๆสักภาพ

[inlover]

วัดทัตบินยู (Thatbyinnyu Paya) อีก 1 ใน top 3 เป็นวัดที่สูงที่สุดในพุกาม

[inlover]

วิหารธรรมยางจี (Cursed Temple Dhammayan-Gyi) อีก 1 ใน top 3 สุดท้าย โดยเป็นวัดที่ใหญ่โตที่สุด จนมีสมยานามว่า พีระมิดแห่งลุ่มน้ำเอยาวดี และบางคนก็เรียกกันว่าเป็นวัดต้องสาป เนื่องจากประวัติการสร้างวัดแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการกดขี่ใช้แรงงานประชาชนอย่างทารุณ หาใช่สร้างขึ้นตามแรงศรัทราของประชาชน





วิหารธรรมยางจียามเช้า ถ่ายจากเจดีย์ชเวสันดอว์

[inlover]

เจดีย์สุลามณี (Sulamani Pagoda)



เจดีย์สุลามณีตอนเช้า ถ่ายจากเจดีย์ชเวสันดอว์เช่นกันครับ