ได้รับกล้องแนว Hybrid ตัวล่าสุดมาจากบริษัท Samsung ประเทศไทย จำกัด ซึ่งหลังจากได้ลองเล่นอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็เอาเรื่องที่ผมคิดว่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังครับ
ผมแบ่งเนื้อหาบทความออกเป็นส่วนๆ ดังนี้ เผื่อท่านใดสนใจเนื้อหาส่วนไหนเป็นพิเศษจะได้ข้ามไปอ่านส่วนที่สนใจก่อนได้เลยครับ
- Introduction
- Specification
- Overview
- การใช้งานกล้อง
- โหมดในการถ่ายภาพ
- อัตราการบริโภคแบตเตอร์รี่
- Life Style / Mobile Features
- สรุป
----------- Introduction -----------
กล้องตัวนี้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนผมคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านกล้องอยู่แถวสยามสแควร์ ที่มักจะมีน้องๆ เดินเข้ามาถามว่ามีกล้อง Instagram ไหมพี่ แล้ววันนี้ก็มีจริงๆ กล้องที่ถ่ายรูปแล้วโพสต์ขึ้น Social network ได้เลย
เนื่องจากกล้องตัวนี้เป็นกล้องถ่ายภาพแนวคิดใหม่ ที่นำสิ่งที่เรารู้จักกันดีคือกล้องดิจิตอล และ ระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ด มารวมกันในอุปกรณ์ตัวเดียวกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มี Social Network เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น รวมถึงเรานิยมสื่อสารด้วยภาพถ่ายกันมากขึ้น ดังนั้นการเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ สเปคของทั้งกล้อง และระบบปฏิบัติการ Android ผมจะพูดเฉพาะในส่วนสำคัญ สำหรับสเปคละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหน้าเว็บไซต์ Galaxy Camera ของ บริษัท Samsung ประเทศไทย
และแน่นอนครับ ในช่วงท้ายเราจะพูดถึงสิ่งที่หลายๆ คนอยากรู้เกี่ยวกับกล้องตัวนี้ เช่น กล้องตัวนี้โทรศัพท์ได้หรือเปล่า? ใช้โปรแกรม Andriod ได้สมบุรณ์เหมือน Android ทั่วไปเลยหรือเปล่า? ฯลฯ
----------- Spec -----------
เรามาดูสเปคสำคัญของ Galaxy Camera กันครับ
- กล้องตัวนี้มีความละเอียดของภาพ 16 ล้าน pixel ใช้ Sensor ขนาด 1/2.3” แบบเดียวกับที่ใช้ในกล้องดิจิตอลคอมแพ็ค แต่มีจุดเด่นที่เป็น Sensor แบบ BSI ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่นำวงจรไฟฟ้าที่อยู่ในแต่ละพิกเซลของการรับแสงย้ายไปอยู่ทางด้านหลัง ทำให้สามารถขยายพื้นที่ของเซลล์รับแสงในแต่ละพิกเซลให้มีขนาดใหญ่เต็มพิกเซล ซึ่งทำให้ภาพที่ได้จากเซ็นเซอร์ตัวนี้มีคุณภาพดี น๊อยส์น้อย เมื่อเทียบกับกล้องคอมแพ็ครุ่นอื่นที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดเดียวกันที่ไม่มีเทคโนโนโลยี BSI
- รองรับ ISO ได้ตั้งแต่ 100 ไปจนถึง 3200
- สามารถถ่าย video ที่ความละเอียด full high definition 1080p ที่ 30 fps แล้ว ยังสามารถถ่ายภาพ slow motion ได้ที่ 120fps ที่ความละเอียด high definition 720p อีกด้วย
- ตัวเลนส์ Zoom ได้ 21 เท่า
- มีระบบกันมือสั่นที่ระบบเลนส์ ทำงานได้ดีมาก จนผมนับเป็นหนึ่งใน highlight ของกล้องตัวนี้เลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับเลนส์เดี๋ยวผมจะพูดอีกครั้งในเนื้อหาช่วงต่อไป
- จอภาพเป็น touch screen มีขนาด 4.8” ใหญ่เต็มตา แสดงภาพที่ความละเอียด High Definition 720p 1280x720pixel เป็นจอแบบ LCD เรียกว่า HD Super Clear Touch Display เรื่องสีสันไม่ต้องพูดถึงครับ แจ่มและชัดมากตามสไตล์ Samsung ตัวกระจกของ Galaxy Camera ดีมากครับ ไม่แน่ใจว่าเป็น Gorilla Glass หรือเปล่า เพราะในเอกสารสเปคที่ผมได้ไม่มีระบุมา จากรูปด้านบนจะเห็นว่ากล้องที่ผมได้รับมารีวิวถ้าดูทางด้านหน้าที่เป็นสีขาวจะเห็นความมอมแมมที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ตัวกระจกใส่ปิ๊งไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ โดยไม่ต้องมีฟิลม์อะไรป้องกันตัวกระจกเลย
- ขับเคลื่อนด้วย CPU แบบ Quadcore ความเร็ว 1.4GHz บน OS Android 4.1.1 หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Jelly Bean ทำคะแนนจากโปรแกรม Quadrant ที่นิยมใช้ประสิทธิภาพได้ที่ 5,848 คะแนน ถ้าเทียบกับโทรศัพท์ Galaxy Nexus ที่ผมใช้งานอยู่ ทำให้รู้สึกว่า Galaxy Camera เร็วปรู๊ดปราดเลยทีเดียว
![]()
- มีหน่วยความจำภายในกล้อง 8GB และสามารถเพิ่ม micro SD, micro SDHC และ micro SDXC เข้าไปได้
- ความสามารถในการเชื่อมต่อเช่นเดียวกับโทรศัพท์ Android รุ่น Top มาครบถ้วน ทั้ง gps, wifi a/b/g/n wifi ht40 และ bluetooth 4.0
- Battery ความจุ 1,650 mAh ซึ่งผมได้ยินแว่วๆ มาว่าตอนวางจำหน่ายอาจจะให้แบตเตอร์รี่มาพร้อมกล้องเลยสองก้อน แต่อันนี้ยังไม่ยืนยันนะครับ แต่โดยส่วนตัวมองว่าไม่ซีเรียสครับ เพราะกล้องตัวนี้ชาร์จไฟผ่านช่อง MicroUSB ทำให้ผมสามารถแชร์ Battery Booster ที่ใช้อยู่กับโทรศัพท์ได้อยู่แล้ว
- น้ำหนักที่รวมแบตเตอร์รี่แล้ว 3 ขีด
กล้องรุ่นนี้เท่าที่ทราบ Samsung ทำออกมาสองรุ่น คือรุ่น 3G+Wifi และ 4G+Wifi และเข้าใจว่ารุ่นที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราน่าจะเป็นรุ่น 3G+Wifi โดยความถี่คลื่นโทรศัพท์ที่ Galaxy Camera รองรับ จะรองรับครบถ้วนทุกความถี่ ที่ใช้งานในบ้านเรา ทั้ง 850MHz, 900MHz, 1900MHz และ 2100MHz
----------- Overview -----------
มาดูตัวกล้องกันครับ
อันแรกเลย เลนส์ด้านหน้ากล้อง เป็นเลนส์ที่มีระยะตั้งแต่ต้นๆ ไวด์ คือ 23mm ไปจนถึง 481mm (ซูมได้ 21x) ความสว่างของเลนส์เริ่มที่ f2.8-5.9 ขึ้นอยู่กับระยะการซูม แต่ช่องรับแสงที่แคบสุดของกล้องตัวนี้แปลกครับ เพราะกล้องทั่วไปจะสุดอยู่แค่ค่าใดค่าหนึ่ง เช่น f8 แต่กล้องตัวนี้ สิ้นสุดที่ f8-8.5 แล้วแต่ระยะการซูมเช่นกัน ตัวกล้องมีระบบกันสั่นที่ชุดเลนส์ ซึ่งเมื่อผมได้ทดสอบใช้ทั้งในโหมดถ่ายภาพนิ่ง และภาพ Video ต้องบอกว่าทำงานได้ดีมาก เทียบแล้วดีกว่าที่พบได้ในกล้องส่วนใหญ่
ส่วนวงกลมเล็กๆ ที่อยู่เฉียงๆ ด้านบนของเลนส์ คือไฟช่วยโฟกัส ทำให้โฟกัสในที่มืดได้ง่ายขึ้น
ข้างขวาของกล้องประกอบด้วย ช่องเสียบ Micro USB เพื่อเอาไว้ชาร์จไฟ และรับ/ส่งข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เหนือช่อง Micro USB เป็นช่องเสียบหูฟัง ซึ่ง Galaxy Camera รองรับทั้งหูฟัง และ Handsfree ที่เราสามารถนำหูฟังมาตรฐานทั่วไปที่มีอยู่แล้วมาเสียบแล้วใช้งานได้เลย ส่วนด้านล่างที่เห็นสีเงินเงาๆ เป็นที่ร้อยสายคล้องมือครับ
ด้านซ้ายเป็นปุ่มเปิดแฟลช เวลาต้องการใช้แฟลชสามารถกดปุ่มนี้ได้เลยไม่ต้องลำบากเข้าเมนู setting ในโปรแกรม camera แบบใน smart phone ส่วนช่องด้านล่างที่เห็นเป็นลำโพงครับ
มาดูด้านบนกันบ้างครับ ไล่จากทางด้านซ้ายไป อันแรกคือแฟลช Pop-up , Switch ปิด/เปิดกล้อง, ช่องเล็กที่เห็นถัดมาคือไมค์ ตามด้วยปุ่ม shutter เพื่อใช้ถ่ายภาพ และวงแหวนรอบปุ่ม shutter เพื่อใช้ซูมภาพเข้า/ออก
ตัวปุ่ม shutter ยังทำหน้าที่เหมือนปุ่ม shortcut ในการเข้าสู่โหมดถ่ายภาพอีกด้วยครับ หากเราใช้ Galaxy Camera บน Application อะไรอยู่ก็ตาม แล้วต้องการถ่ายภาพ เราไม่จำเป็นจะต้องกดปุ่ม Home เพื่อควานหา icon Camera เพียงเรากดปุ่ม shutter ตัว Galaxy Camera ก็จะเข้าสู่โปรแกรม Camera เพื่อใช้ถ่ายภาพทันที
ส่วนปุ่ม Zoom in/out นั่น เป็นปุ่มเดียวกับปุ่มปรับ Volume ผมก็เลยลองกด Volume Down + ปุ่มปิดเปิด ก็พบว่า Galaxy Camera จะทำการ Capture Screen shot เช่นเดียวกับที่พบบน Android Smart phone รุ่นต่างๆ ของ Samsung
ด้านล่าง ตรงกลางเป็นเกลียวสำหรับใช้ยึดกับขาตั้งกล้อง ส่วนทางด้านขวาจะเป็นช่องใส่แบตเตอร์รี่ ใส่ sim ซึ่ง Galaxy Camera จะใช้ sim แบบ micro sim มีช่องใส่ micro SD, SDHC และ SDXC ส่วนช่องตรงกลางที่เห็นเป็น micro HDMI สามารถเชื่อมต่อกับเข้าจอทีวี (แต่ถ้าใครใช้ Smart TV ของ Samsung เราสามารถที่จะเชื่อม Galaxy Camera เพื่อแสดงภาพบน TV ได้แบบ Wireless ผ่านโปรแกรม Allshare Play ที่อยู่ในกล้องได้เลยครับ สะดวกมั๊กๆ)
เรื่อง Micro SD ก็เป็นอีกหนึ่งความสะดวกกว่าเมื่อเทียบ Galaxy Camera กับ Smart Phone android ทั่วไป คือเมื่อใส่ Micro SD เข้าไปในกล้อง หรือตอนเปิดกล้องมี Micro SD เสียบอยู่ในกล้อง กล้องจะฉลาดพอที่จะถามว่าย้ายภาพถ่ายไปเก็บไว้ใน Micro SD ที่ใส่ไว้หรือไม่เองโดยอัตโนมัติ ทำให้สะดวกกว่าโทรศัพท์ที่เป็น Android ทั่วไปที่จะต้องเข้าไปเซ็ตค่า Storage ในตัว Setting ของโปรแกรม Camera
![]()
Bookmarks