ขออนุญาต ตั้งกระทู้แรกในชีวิตครับ

ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาตอบข้อสงสัยและเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ

คุณ Electron ครับ ลองแปลดูแล้วครับ สรุปว่า มึน

คุณ MOONOI ครับ ผมก็ไม่เห็นเค้ารับผิดชอบอะไรมีเพียงบอกแต่ว่า "ถ่ายยากนะกว่าจะได้แบบนี้ มันเป็นศิลปะนะ เห็นได้เฉพาะกลางภาพ ขอบมืดแบบนี้นะ" แต่พอเพื่อนเอาของผมให้เค้าดู เค้าก็พูดว่า "เออ ... ร้านมันดึงสีเก่งว่ ะ" เฮ้อ....พี่เค้ายังไม่ยอมรับความจริงอีกนะ

คุณ azakura ครับ พี่เค้าใช้ 2 Body Film ของนิคอนนะครับ แต่แฟรชนี่ ดูยังงัยผมก็ว่าน่าจะใช่ National นะครับ รูปร่างก็เหมือน แถมมันมีสายโยงเสียบจากตัวแฟรชไปยังกล้องเหมือนของป๊ะป๋าผมเลยนะ, เจ้าของงานเป็นคนไปอัดภาพเองครับ ส่วนช่างภาพแค่ชื่อย่อละกันนะครับ "ป.." ครับ
ว่าแต่ คุณถ่ายภาพออกมาได้สวยมากครับ ทั้งบุคและลักษณะเด่นของตัวแบบคุณสามารถดึงออกมาได้เป็นธรรมชาติดีมากเลยครับ อย่าลบเลยนะครับ เสียดาย

เรื่องช่างภาพรองนี่ ผมยังเคยถ่ายเป็นมือที่ 4 ในงานเลย เราก็ทำในส่วนที่ต้องทำให้ดีที่สุด

ผมสงสัยอย่างนึงว่าเจ้าของงานเลือกจากอะไร จ่ายในราคาขนาดนี้ การตกลงใจจ้าง ต้องพอใจในความเป็นเขา พอใจในรูปแบบงานของช่างคนนั้นแล้วถึงตกลงเลือกสิ

ผมเป็นทั้ง "ตัวจริง" และ "ตัวรอง" ก็อยู่หลายครั้งครับ(ช่วงแรก ๆ ต้องขอเขาถ่ายเลยน่ะ..อิอิอิ).......บอกได้คำเดียวว่า "ไม่เคยเครียดเลยซักครั้ง"...อะแหะๆๆ.....เพราะรับงานทีไรก็ไม่เคยเรียกเงินเขาเลยอะครับ...แหะๆๆ....:Smiles2: :Smiles2: ....เพราะผมถือว่าผมถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกเท่านั้น....ถ้าว่างหรือไม่ติดขัดอะไรถึงจะรับงานครับ.....เพราะฉะนั้นถ้าผมว่างเมื่อไรก็มักจะถือว่าเราได้เอาทั้งกล้องและฝีมืออกไปขัดเกลาครับ.......แต่ก็พยายามถ่ายออกมาให้ดีที่สุด......อืมๆๆๆ....ถ้าถามว่าดียังไงถึงว่าดีที่สุด....ส่วนใหญ่ทุกงานที่ผมรับมักเป็นงานคนรู้จักครับ......เลยพอที่จะรู้ว่าเขาต้องการภาพแบบไหน....เราก็ถ่ายตามความต้องการเขาครับ.......ที่น่าฮากว่านั้นก็คือ....บางงานเป็นงานสำคัญมาก ๆ ผมก็มักจะบอกเจ้าของงานไปเลยว่า "จ้างเขาดีกว่านะแก....สบายใจกว่า...จะได้ไม่เสียเพื่อนฝูง...แต่ม่ายต้องกลัวววว.....เด๋วข้าก็ถ่ายด้วยอะล่ะ....แกได้รูปจากข้าฟรี...ข้าก็สบายใจได้ถ่ายรูป"......และก้อไม่ได้ตังค์จิง ๆ ด้วยง่ะ....อิอิ....แต่ก็สบายใจครับ.....

แต่เดี๋ยวก่อนนน..........ทำไปทำมาช่วงหลัง ๆ เวลางานเข้าเลยกลายเป็นการกุศลไปหมดทุกรายเยย....สงสัยบอกต่อกันว่าฟรี......เอิ้กกก....:Smiles2: ....วิธีนี้ไม่ควรทำตามนะครับทั่นทั้งหลาย....เขาว่ากันว่าถ้างานแรก ๆ ไม่คิดตังค์หรือไม่เอาตังค์เขาว่างานต่อไปจะไม่ได้ตังค์นาครับ...อะหุ.:P


....และโชคดีพอสมควรครับที่ได้เจอมาหลายคนที่เป็นประเภทที่ว่า "ฉานคิดว่าฟิล์มแจ่มแมวสุด" และ "ฉานคิดว่าดิจิดีสุด".......อย่างที่หลายท่านบอกครับ.....เราถ่ายรูป......รูปก็คือผลงานครับ....ทุกอย่างทั้งราคาคุยราคาฝีมือหรือราคาอุปกรณ์มันจะฟ้องอยู่ในรูปครับ......งานเขาถ้าเราถ่ายเสียก็ไม่ต้องโทษใครครับ.....เพราะงั้นผมคิดว่าแล้วแต่ทั้งช่างภาพทั้งคนจ้างครับว่าอยากได้หรืออยากใช้แบบไหน....สุดท้ายแล้วรูปภาพมันก็บอกทุกอย่างครับ.....เราเป็นคนถ่ายนี่นา...อุอุอุ..

ขอให้เชื่อมั่นในตัวเองนะครับ....แล้วก็จริงใจกับสิ่งที่เราทำ....เวลาถ่ายภาพแล้วไปพบไปเจอสิ่งไหนที่ไม่เข้าหูเราก็ฟัง ๆ ไว้เพื่อ "เราจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นครับ".....ขอให้ถ่ายภาพให้สนุกครับ....:flower:

ตอบเป็นข้อๆ นะครับ..
1. ผมว่า 30ดี ก็รับงานสบายๆ นะครับ.เอาเป็นว่า อยู่ที่งบประมาณดีกว่า 5 ดี เนี่ย ดีกว่า ตรงได้ช่วงไวด์แท้ ได้ชัดตื้นๆ สุดๆ.. แต่ ทั้งนี้ งานบางอย่างเราอยากได้ชัดลึกนะครับ.. กลายเป็นใช้กล้องที่มี FOV 1.6 กลับดีกว่า เพราะ เปิด F กว้างๆ ยังคงชัดคลุมแอเรียที่ต้องการได้มากกว่า แถมฟูลเฟรมได้อาการขอบมืด ตามมา..

2. ชัดลึก ก็คือ ช่วงชัดที่ครอบคลุม ช่วงที่เราต้องการ ..
ส่วนคมกริป เนี่ยคือ คมในส่วนที่เราโฟกัส กริปๆ. ซึ่ง อาตจะคมกริปแค่ ช่วงลึก แค่ 5 เซนหรือไปถึง อินฟินีตี้ ก็ได้.. แล้วแต่ว่าเราเปิดรูรับแสง ให้ครอบคลุมช่วงชัดลึกแค่ไหน.. อาการคมกริป เนี่ยขึ้นอยู่กับกำลังแยกขยาย และ คุณภาพเลนส์ ด้วยนะครับ.. ทั้งนี้การโฟรเซส หลังจากถ่าย ใส่ชาร์ฟเพ้น หรือ แล๊ปที่ล้างอัดปรับแต่งให้ หรือแม้แต่เครื่องกับกระดาษที่อัดก็เป็นปัจจัยนึงของ OUT PUT ครับ..

3. ไม่ต้องสนใจครับ ว่า ใครยังไง.. เวลาถ่าย ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดพอ..รูปออกมามันจะฟ้องงานของเราเองครับ..ลูกค้าเห็นเค้า เปรียบเทียบได้เอง.. ไม่ต้องคิดมาก..ยิ่งเรารับค่าจ้างเนี่ย.. คนอื่นถ่ายสวยกว่า หรือ ห่วยกว่า หรือ ค่าจ้างแพงกว่า ไม่ได้หมายความว่าเราได้รับค่าจ้างน้อยลงหนิครับ.. ในเมื่อเราประเมินงานของเรา ราคาค่าจ้างแล้ว..รับงานมาแล้ว.. ถ้าเราทำได้ดี ทุ่มเท เผลอๆ ได้ ทิป อีก..

3.1 ฝีมือสำคัญกว่าครับ.. แต่ทั้งนี้ถ้าฝีมือเท่ากัน อุปกรณ์ที่ดีกว่าย่อมได้ภาพที่ดีกว่า
อุปกรณ์ยังหมายถึง หลายๆ อย่างเช่น
ชัดลึด ชัดตื้น.. (ง่ายจะตาย แค่ มีตังซื้อเลนส์ F กว้างๆ.. ผมเคยเห็นช่างภาพ หลายคนบอกภาพคนนี้ไม่สวย ไม่ได้อารมณ์ หลังไม่เบลอ .. จริงๆ อยู่ที่ลักษณะของภาพครับ..ว่า เบลอแค่ไหนสวย เบลอแค่ไหน..พอดีครับ )
ความรวดเร็วและ ความแม่นยำในการจับภาพ โฟกัสภาพ.. องศาการรับภาพ ช่วงซูม ที่ทำให้เก็บภาพได้หลายลักษณะ
คุณภาพ ของเลนส์ บ่งบอก ความคมชัด คอนทราสและความใสของภาพ ..
ความละเอียด และความใหม่ ของกล้อง อาจบอกถึง ความแม่นยำ ความสามารถในการแยกขยายภาพ และ .. ความเนียน ของรูป ..

แต่ ทั้งนี้.. ก็ไม่ได้สำคัญว่า คุณจะต้องมีอุปกรณ์ โปรเสมอไปถึงจะรับงานได้..เพียงแค่ มีให้เพียงพอกับลักษณะงานที่รับ แค่ นั้นครับ.. กล้องธรรมดาเดี๋ยวนี้ ความสามารถก็เพียงพอที่จะงานทั่วๆ ไปแล้ว.. และรู้จักใช้อุปกรณ์ที่มีให้เต็มความสามารถ รู้ข้อดี ข้อด้อย และ ข้อจำกัดของอุปกรณ์ แค่นั้น
อุปกรณ์ที่ จคกท มีเนี่ย มากกว่าผมตอนเริ่มรับงานอีกครับ..

3.2 ถ่ายภาพ ไม่ได้อยู่ที่นานหรือไม่ นาน..แต่มีอีกหลายตัวแปรครับ
ผมอยากเป็น 4 กรณี ครับ..
3.2.1 ความชำนาญ อันนี้เกิดจากการฝึกฝน ความสามารถในการใช้อุปกรณ์ที่มี ทั้งนี้ ความรู้และ ความเข้าใจ ในอุปกรณ์ที่ใช้ หรือ ความชำนาญนี้ ขึ้นอยู่กับ ความฉลาด ด้วย ครับ.บางคนใช้แปปเดียว รู้หมด รู้ลึกรู้จริง.. บางคนใช้ตั้งนาน ยังไม่รู้ เพราะฉาบฉวย ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่ากีปี แต่ หลายถึงระยะเวลาที่ให้กับมันมากกว่า
3.2.2 ประสบการณ์ หรือ ชั่วโมงบิน ..เกิดจากการ ผ่านงานหรือเหตุการณ์ นั้นๆ ซึ่ง คนที่ผ่านงานหรือ มีประสบการณ์ จะมีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่า.. ซึ่งอันนี้ ขึ้นอยู่กับไหวพริบ ด้วยครับ ต่อให้มีประสบการณ์มากแต่ ขาดไหวพริบและ ปัญญา .. ถ่ายยังไง ก็ เหมือนเดิม
จำนวนงาน บางคนถ่ายปีนึง ไม่กี่งาน บางคน ยังไม่เท่ากับบางคนถ่ายงานเดือนเดียวแต่เป็นสิบๆงาน ครับ..
3.2.3 การศึกษา พรสวรรค์ และ รสนิยม คนเราต่างกันครับ.. ทำให้ความรวดเร็วในการพัฒนาการ มุมมองของรูปออกมาต่างกัน ภาพถ่ายหลายๆ คนถึง เหมือนมีลายเซนของเค้าเอง.. รสนิยมก็สำคัญ การยอมรับก็ขึ้นอยู่กับสังคมนั้นๆด้วยครับ
3.2.4 บุคลิก และ ลักษณะนิสัย บางคนถ่ายภาพสวย แต่เป็นศิลปิน เข้ากับคนไม่ได้ ก็ถ่ายภาพคนลำบากถูกไหมครับ.. ท่าทาง และบุคลิกก็สำคัญ ที่จะทำให้คนรอบข้าง แสดงท่าทีให้เราถ่ายออกมายังไง .. แต่ไม่ได้หมายความว่าถ่ายไม่ได้..แค่ เลือกงานให้เหมาะกับลักษณะของตัวเราแค่ นั้น.

ฟิลม์ หรือดิจิตอล ไม่เกี่ยวอยู่ที่ เอาท์พุทที่เรา หรือ ลูกค้า ต้องการครับ..
ฟิลม์อาจดีโปรกว่า เพราะ ถ่ายแล้วมีลุ้น .. อันนี้ อยู่ที่การยอมรับแล้วครับ.. แล้วอยู่ที่เราด้วยเวลาขายงานลูกค้า

3.3 ถ่ายมาไม่นาน ดูมือไม่ดี.. ทั้งนี้เพราะงานทั้งหลายต้องการความชัวร์ไงครับ..
ความชัวร์ก็ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความชำนาญ อยู่ที่การนำเสนอ ของเราไงครับ เพราะพอถ่ายงาน ไม่มีคำว่าพลาด .. มีแต่ ต้องได้รูป สวยไม่สวย อีกเรื่องนึง
ถามตัวเอง ชั่วโมงบินคุณเยอะพอไหม งานคุณเป็นที่ยอมรับ หรือคุณภาพดีพอหรือยัง ถามตัวเอง ถ้า ไหว ก็ ลุยไปเถอะครับ..
เค้าเลยมีสุภาษิตโบราณ อันนึงไงครับ.. "" ม้าหนุ่มคะนองศึก หรือ ม้า แก่ชำนาญทาง "" เหตุเพราะในการรบจำเป็นจะต้องมีม้าหนุ่มเพราะเรี้ยวแรง และกำลังวังชาดี .. พร้อมตีฝ่าข้าศึก แต่ก็ต้องมีม้าแก่เพราะมีประสบการณ์ ยามข้าศึกตีทัพแตก ยังกลับเข้ากองพลได้ถูก ยามโดนปัญหา หรือ ระเบิด ยังไม่กระเจิง และ ยังนำทางม้าศึกหนุ่มได้..

3.4 มืออาชีพ วัดกันทุกอย่างครับ..ยกเว้นอายุ ได้แก่ สร้างผลงานให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้ มีความรับผิดชอบ มีความรู้ในหลักวิชาที่ได้ประกอบอาชีพ อย่างพอเพียงกับงานทีได้รับ
ศิลปินนักถ่ายภาพ กับ ช่างถ่ายภาพ ก็อาจไม่เหมือนกัน
ขอเน้นคำนึงครับ.. เพียงพอกับงาน อันนี้ หมายถึง ทุกอย่างเลยครับ.. อุปกรณ์ ค่าจ้าง ฝีมือ ประสบการณ์ ไม่ต้องไปเทียบกับใคร ตัวเรารู้ตัวเราเองครับ.
ถ้าดีเพียงพอกับงาน ลูกค้าจ้างแน่ ไม่ได้อยู่ที่อายุหรือ อุปกรณ์ต้องโปร หรอก ..
ส่วนลูกค้าเองก็ต้องเข้าใจคำนึง.. WHAT YOU PAY ? WHAT YOU GET ? อันนี้ไม่มีบรรทัดฐาน อยู่ที่เราครับ.. ที่ช่วยกันสร้างมาตรฐานให้กับตัวเอง
สักพักก็จะได้ยินลูกค้าพูดว่า คุ้มค่า หรือ เกินคุ้ม..
สู้ๆ. ครับ.. :good: :good: :good: :good:

เป็นผมนะครับ เก็บ 300D เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เลนส์สำคัญกว่านะครับ ณ.จุดนี้

การถ่ายรูปนั้น จะพูดไปก็ Relative ครับ มันขึ้นอยู่กับแต่ละคน องค์ประกอบและมุมมองที่คุณว่าสวย อาจถูกตาหลายๆคน ก็ดีไป ถ้าไม่ถูกแต่ว่าอยากทำเป็นอาชีพก็ต้อง พยายามเข้าใจลูกค้าให้มากๆ
ยังงัยเสียผมก็เอาใจช่วยนะครับ

ผมขอตอบเป็นข้อๆเช่นกันครับ อุปกรณ์กับฝีมืออันไหนสำคัญกว่า? ตอบ...แน่นอนครับฝีมือซีครับสำคัญกว่า แต่อุปกรณ์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน คุณต้องมีอุปกรณ์(กล้องและเลนส์)ที่เหมาะกับงานด้วยครับ ผมขอย้ำว่าไม่จำเป็นต้องของแพงประเภทสุดยอดโปร แต่สำคัญที่คุณต้องเลือกใช้ให้ถูกกับงานและมีความชำนาญในการใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องตัวมากกว่า
........ถ่ายมานานจำเป็นไหมที่จะต้องฝีมือดี? อันนี้ก็ไม่แน่เสมอไปอีกล่ะครับ ผมว่าเที่ยวบินสำคัญกว่านะครับ แล้วก็รวมถึงการพัฒนาฝีมือของช่างผู้นั้นด้วยว่าก้าวหน้าเร็วหรือช้า บางคนหัวไวบางคนหัวช้า แต่คนที่มีประสพการณ์มากกว่าก็มักจะได้เปรียบกว่านี่ว่ากันโดยทั่วๆไปนะครับ
...........ต้องฟิล์มเท่านั้นเหรอถึงจะดี? ผมว่ามันอยู่ที่ความถนัดของช่างแต่ละคนมากกว่าครับ บางคนถนัดใช้ฟิล์ม แต่บางคนถนัดใช้ดิจิตอล งานที่ออกมาเดี๋ยวนี้ใกล้เคียงกันแล้วล่ะครับ เดี๋ยวนี้กล้องดิจิตอลไปไกลแล้วครับไม่เหมือนดิจิตอลรุ่นแรกๆที่ภาพยังห่างชั้นจากฟิล์มไปมาก เดี๋ยวนี้ถ้าตาไม่หาเรื่องจริงๆดูแทบไม่ออกแล้วครับ
..........ทำไมมือใหม่ถึงต้องถ่ายภาพออกมาไม่ดีแน่ๆในสายตาของคนทั่วๆไป ก็ส่วนใหญ่คนเค้ามองออกนี่ครับว่าคนๆนั้นเป็นมือใหม่ เช่นถ่ายช้า ท่าทางเก้ๆกังๆ ลุกลี้ลุกลน แม้แต่ตัวคุณเองถ้าเห็นแบบนี้คุณเองก็คิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ? พูดง่ายๆท่าทางมันฟ้องครับก็เลยขาดความน่าเชื่อถือไปไงครับ (แต่เอ...อาจจะถ่ายออกมาสวยก็ได้นา ใครจะรู้)
.........มืออาชีพเค้าวัดกันที่ตรงไหน?.....เรื่องฝีมือกับประสพการณ์คงไม่ต้องพูดถึงมันแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนอุปกรณ์ถ้าคุณใช้กล้องและเลนส์โปรตัวใหญ่ๆมันก็ดีในแง่ความน่าเชื่อถือและอิมเมจในมุมมองของลูกค้า บวกกับเลนส์ดีๆมันก็ย่อมที่จะได้เปรียบกว่าในเรื่องคุณภาพของภาพ จนมีคนกล่าวว่าถ้าฝีมือพอๆกันก็ต้องเฉือนกันที่อุปกรณ์ล่ะครับ อันนี้ผมไม่ได้ชี้นำให้ยึดถือนะครับ อ่านแล้วก็ใช้วิจารณญาณของตัวเองตรึกตรองดู
...........ที่คุณงงเรื่องความหมายของคำว่ามืออาชีพ หรือที่บ้านเราเรียกกันโปรๆ ทางเมืองนอกเค้าเรียกProfessional หมายถึงผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเฉพาะทาง ที่มีความรู้ความสามารถเก่งจริงๆ แต่กับโปรบ้านเรา มีสองความหมายครับ คือทำมาหากินด้วยการถ่ายภาพไว้เลี้ยงชีพ อันนี้อาจจะเก่งจริงหรือไม่เก่งก็ได้ครับรวมๆหมด และความหมายที่สองคือ เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเก่งจริงๆ ส่วนการจัดอันดับมือวางว่าเป็นโปรหรือไม่ คงต้องให้ลูกค้าหรือสังคมตัดสินล่ะครับ ใครๆก็บอกตัวเองได้ว่าเป็นโปรแต่จะโปรจริงหรือโปเก อันนี้ ก็ขอฝากเอาไว้ให้ช่วยคิดกันด้วยครับ.......

3.1 จากที่ผมเล่ามา พี่ๆ เพื่อนๆ พอจะสรุปได้ไหมครับว่า อุปกรณ์ กับฝีมือ อย่างไหนจะมีความสำคัญกว่า?
สำคัญทั้งสองอย่าง..คนที่เคยใช้อุปกรณ์ธรรมดาแล้วไต่ระดับขึ้นไปถึงอุปกรณ์โปร
จะรู้ดีถึงปัญหาที่ว่าทำไมต้องใช้ของแพง.. และบางอย่างทำไมไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง...

3.2 ถ่ายภาพมานานจำเป็นไหมที่ต้องฝีมือดี? ต้อง Film เท่านั้นเหรอถึงจะดี
ถ่ายภาพมานานไม่จำเป็นต้องฝีมือดี Film หรือ Digital ก็เป็นเพียงอุปกรณ์
ถ้าใช้ให้เป็น ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ได้เหมือนๆ กัน..

3.3 ทำไมมือใหม่ถ่ายภาพต้องออกมาไม่ดีแน่ๆ ในสายตาของคนทั่วไป
อันนี้ขอแสดงความคิดเห็นในมุมของผมนะครับ..
เพราะปัญหาต่าง ๆ มักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดได้เสมอ มืออาชีพ(จริงๆ)จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทำให้งานราบรื่นครับ..

ผมเคยทำร้านอินเตอร์เน็ตโดยใช้ ระบบ เป็น Linux
ผมจ้างมือใหม่มาวางระบบ โดยตกลงกันที่ราคา 5,000.- ลงโปรแกรม 10 เครื่อง
โดยให้นั่งรถมาจากกทม.แล้วมาเจอที่ร้านผม..
สรุปว่าคืนนั้นทั้งคืนผมไม่ได้นอน มัวแต่นั่งช่วยเขาทำงาน
สรุปว่าลงไม่ได้แม้แต่เครื่องเดียว... เพราะแผ่นเสีย.. (ไม่มีแผ่นสำรอง)

ผมเห็นการทำงานแล้วผมว่าไม่เข้าท่าแน่ๆ
ตอนเช้าเลยบอกเขาว่า พี่จ่ายค่ารถให้พันนึงแล้วกันนะ.. น้องไม่ต้องนั่งรถกลับไปเอาแผ่นมาหรอก..

3.4 มืออาชีพเค้าวัดกันตรงไหนครับ อุปรณ์? ฝีมือ? ประสบการณ์? การนำเสนอ(พูดเก่ง)? หรือ หน้าตา+อายุ?
มาตรฐานของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีกแหละครับ..
ผู้ใหญ่ก็อาจจะชอบช่างภาพที่แต่งตัวสุภาพ มีการเอนเตอร์เทนแขกที่ดี..
ผลงานสีสวย ภาพคมชัด เห็นหน้าชัด ๆ เป็นต้น...
ถ้าคุณเอาภาพที่มันอาร์ต ๆ ในสายตาคุณไปให้เขาดู อาจจะโดนตอกกลับหน้าหงายว่า เห็นหน้าไม่ชัด หรือถ่ายมาทำไมช้อนส้อมเนี่ย...

แต่มืออาชีพที่ผมจะจ้างมาทำงานอะไรสักอย่าง ผมวัดที่ผลงาน กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และอารมณ์..ต้องใจเย็น (อันนี้คงปิดกันยาก เพราะมันจะออกมาทางแววตาและท่าทาง)
ยกตัวอย่าง..ช่างภาพงานแต่งงานของผมไม่จำเป็นต้องใส่สูทผูกไทค์ หรือต้องมีสไตล์การพูดที่โดดเด่น..
ประเภทกลัวเสื้อเปื้อน กางเกงเปื้อน วางกล้องเบา ๆ กลัว Hood เป็นรอย แบบนี้บายล่ะครับ...เหอๆๆ :crazy:

Quote:

---

Originally Posted by เอ้

เรื่องช่างภาพรองนี่ ผมยังเคยถ่ายเป็นมือที่ 4 ในงานเลย เราก็ทำในส่วนที่ต้องทำให้ดีที่สุด

ผมสงสัยอย่างนึงว่าเจ้าของงานเลือกจากอะไร จ่ายในราคาขนาดนี้ การตกลงใจจ้าง ต้องพอใจในความเป็นเขา พอใจในรูปแบบงานของช่างคนนั้นแล้วถึงตกลงเลือกสิ

---

มือที่ 4 นี่ผมก็เคยเป็นเหมือนกันครับ.
แต่ผมว่านะครับไม่ว่าเราจะเป็นมือไหน ก็สำคัญเท่า ๆ กัน..
ผมให้เกียรติช่างภาพทุกคนที่มาถ่ายกับผมเสมอ..ไม่ว่าเขาจะเป็นช่างจากสตู ช่างภาพแคนดิด หรือช่างภาพมือใหม่

จะเรียกเป็นช่างภาพรองซะเลยก็ไม่ได้ น่าจะเรียกเป็นช่างภาพคนที่ 2 - 3 - 4 มากกว่า จะเรียกว่ามือที่ 2 - 3 - 4
เพราะผู้จ้างอาจจะชอบสไตล์ของทุกคน หรืออาจจะเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการล้างอัด หรือการถ่าย และอื่น ๆ

เอาเป็นว่าเมื่อเขาเลือกคุณคือเขาไว้ใจคุณ ไม่ว่าจะมีช่างภาพกี่คนในงานก็ตามก็ไม่สำคัญ..
เพราะ..จรรยาบรรณก็คือ ถ่ายภาพให้ดีที่สุด.. ไม่ใช่หรือ.. (Y)

นั่นสินะครับ อ่านแล้วได้ความรู้ดีเผื่อตัวเองจะไปขอเค้าถ่ายบ้าง จะได้ไม่เครียด